ศัพท์ควรรู้ในโครงการพระราชดำริ
คอลัมน์นี้เป็นการนำเสนอศัพท์ภาษาอังกฤษที่น่ารู้ ควรจะรู้ และที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา
ตามแนวพระราชดำริและการดำเนินงานของมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน
สำหรับฉบับนี้ ขอเริ่มจากศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนวทางการดำเนิน
ชีวิตแก่ปวงชนชาวไทยมาตลอด กว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ เพื่อให้พสกนิกรได้ดำรง
ชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน มั่นคง และปลอดภัย ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในกระแสโลกาภิวัฒน์ และ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความหมาย ของ เศรษฐกิจพอเพียง ไว้ว่า Sufficiency
Economดังพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2542ในที่นี้เราฟังเขาถามว่าเศรษฐกิจพอเพียง จะ
แปลเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ก็อยากจะตอบว่ามีแล้วในหนังสือไม่ใช่หนังสือตำราเศรษฐกิจ แต่เป็น
หนังสือพระราชดำรัสที่อุตส่าห์มาปรับปรุงให้ฟังได้ และแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพราะคนที่ฟังภาษาไทย
บางทีไม่เข้าใจภาษาไทย ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ จึงได้แปลเป็นภาษาอังกฤษ และเน้นว่าเศรษฐกิจ
พอเพียง แปลว่าSufficiency Economy โดยเขียนเป็นตัวหนาในหนังสือแต่เนื่องจากคำว่า Sufficiency
Economy เป็นคำที่เกิดมาจากความคิดใหม่ และเป็นทฤษฎีใหม่ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงไม่มี
ปรากฏอยู่ในตำราเศรษฐศาสตร์ บางคนอาจยังสงสัยอยู่ว่า คำว่า Self-Sufficient Economy
สามารถใช้แทนคำว่า Sufficiency Economy ได้หรือไม่ หากไม่ได้มีความหมายอย่างเดียวกัน หรือใช้
ได้เหมือนกันแล้วนั้น จะมีความคล้ายคลึง หรือแตกต่างกันอย่างไร คำว่า Self -Sufficiency ตาม
พจนานุกรมมีความหมายว่า ความไม่ต้องพึ่งใคร และความไม่ต้องพึ่งใครในนิยามของพระองค์ท่านนั้น
คือSelf-Sufficiency นั้นหมายความว่าผลิตอะไรมีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอยืมคนอื่นอยู่ได้ด้วยตนเอง
(พระราชดำรัส วันที่ 4 ธันวาคม 2541) ดังนั้นเมื่อเติมคำว่า Economy เป็น Self-Sufficient Economy
แล้วนั้น จะหมายความว่าเศรษฐกิจแบบพอเพียงกับตัวเอง คืออยู่ด้วยตัวเองได้อย่างไม่เดือดร้อน โดย
ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นแต่ทุกวันนี้ประเทศไทยเรายังเดือดร้อน ยังต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่ แม้จะช่วยเหลือตัว
เองได้ก็ตาม เพราะฉะนั้นSelf-Sufficient Economy ซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจแบบพอเพียงกับตัวเอง จึง
แตกต่างจาก Sufficiency Economy ซึ่งหมายถึง เศรษฐกิจพอเพียง ที่ยังคงมีการพึ่งพากันและกันอยู่
ดังพระราชดำรัส วันที่ 23 ธันวาคม 2542 คือพอมีพอกินของตัวเองนั้นไม่ใช่เศรษฐกิจพอเพียง เป็น
เศรษฐกิจสมัยหินสมัยหินนั้นเป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน แต่ว่าค่อยๆ พัฒนาขึ้นมา ต้องมีการแลก
เปลี่ยนกัน มีการช่วยระหว่างหมู่บ้าน หรือระหว่าง จะเรียกว่าอำเภอ จังหวัด ประเทศ จะต้องมีการแลก
เปลี่ยน มีการไม่พอเพียง จึงบอกว่าถ้ามีเศรษฐกิจพอเพียง เพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ก็จะพอแล้ว จะใช้ได้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เป็นแนวทางการดำรงชีวิตและปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับ โดยยึด
แนวทางการพัฒนา โดยมี คน หรือประชาชน เป็นศูนย์กลาง สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่ การพัฒนาที่ยั่งยืน
หรือ Sustainable Development ทั้งการพัฒนาที่ยั่งยืน และ Sustainable Development นั้นได้
มีการให้คำจำกัดความและอธิบายแนวคิดไว้หลายประการ UN Commission on Environment and
Development ประกาศใช้คำว่า Sustainable Development และได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า การพัฒนา
ที่ยั่งยืน คือการพัฒนาที่สนองความต้องการปัจจุบัน โดยไม่ทำให้ประชาชนรุ่นต่อไปในอนาคตต้อง
ประนีประนอมยอมลดความสามารถ ในการที่จะสนองความต้องการของตนเองสำหรับองค์กรใน
ประเทศไทยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ให้คำนิยามการพัฒนา
ที่ยั่งยืนไว้ดังนี้ การพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนในปัจจุบัน ซึ่งสามารถสืบทอดต่อเนื่อง
ไปในอนาคตโดยไม่กระทบต่อโอกาสในการพัฒนาของคนรุ่นหลัง สาระของการพัฒนาแบบยั่งยืนจึง
ต้องคำนึงถึงมิติของการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างสมดุล ได้มีนักวิชาการและนักคิดหลาย
ท่านที่ได้อธิบายแนวคิดของการพัฒนาที่ยั่งยืนไว้ ดังเช่น เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ดร. สุเมธ
ตันติเวชกุลได้อธิบายถึงแนวคิดของการพัฒนาที่ยั่งยืนไว้อย่างเข้าใจง่ายว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนคือการทำ
ให้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่รอบๆ ตัวเรานั้น มีใช้อย่างไม่รู้จักหมด มีการทดแทนกันอย่างสมดุลระหว่าง
สิ่งของกับตัวตน |